4. ทฤษฎีของ Frank Bunker and
Lillian Moller Gilbreth
1. หลักการ/แนวคิด/ประวัติความเป็นมา
Frank
Gilbreth : เกิดเมื่อ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1868 เริ่มงานเป็นคนก่ออิฐและต่อมาได้เป็น
ผู้รับเหมาก่อสร้าง Frank สังเกตว่าการก่ออิฐนั้นทำได้หลายวิธี
และวิธีส่วนใหญ่สร้างความเหน็ดเหนื่อยและเสียเวลาโดยไม่จำเป็น เขาจึงเริ่มศึกษา Motion
Science เพื่อค้นหาวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำงานหนึ่งๆ Frank เชื่อว่าเราควรประหยัดเวลาเพื่อเก็บไว้สำหรับใช้สร้างความสุข ตลอดชีวิต
เขาคิดค้นแต่วิธีที่จะทำให้คนทำงานได้อย่างมีความสุขขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น Frank
และ Lillian พบกันที่ห้องสมุดของเมืองบอสตัน Frank
แต่งงานกับ Lillian หลังจากจีบเธอได้เพียงสิบวันในปี
1904 ทั้งคู่อยากมีครอบครัวใหญ่ และ Frank เชื่อมั่นว่าเขาสามารถเลี้ยงดูลูกๆ
ไม่ว่าจะกี่คนก็ได้เป็นอย่างดี และสุดท้ายเขาก็มีลูกกัน 12 คน
ชาย 6 คน หญิง 6
คน “เหมาโหลถูกกว่า” (Cheaper by the Dozen) ในการทำงานของ Frank
ได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนโดย Lillian ซึ่งเป็นนักจิตวิทยา-อุตสาหกรรม
Frank เสียชีวิตหลังหลังแต่งงานได้เพียง 9 ปี ส่วน Lillian เป็นที่ปรึกษาธุรกิจและได้รับการยอมรับให้เป็นสุภาพสตรีคนแรกของการจัดการธุรกิจ
“First Lady of Management” จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 93
ปี
หลักการและแนวคิด
ของ Frank
Bunker และ Lillian Gilbreth เกิดขึ้นเพราะLillian
สนใจในลักษณะการทำงานของมนุษย์ ส่วน Frank สนใจในประสิทธิภาพการทำงาน
(การค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการทำงาน) Frank
จึงได้รับการยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งการเคลื่อนไหวและเวลา”: Father of time and motion study
เนื่องจากได้มีการศึกษาการเคลื่อนไหวและเวลา Gilbreth เรียกวิธีการนั้นว่า
“Therbligs”
3. เครื่องมือนี้คืออะไร
การศึกษาการเคลื่อนไหวและเวลา
(Time –
and – motion study) หรือเรียกว่า การศึกษาการทำงาน (Work
study) เป็นการศึกษาการเคลื่อนที่ของพนักงานรอบๆ
บริเวณที่ปฏิบัติงาน และความสัมพันธ์กันระหว่างพนักงานกับเครื่องมือเครื่องใช้
หรือความสัมพันธ์กันระหว่างพนักงานกับพนักงานในการปฏิบัติงานแบบกลุ่ม
การพิจารณาการเคลื่อนที่ของพนักงาน และวัสดุโดยกว้างๆ
จะเกี่ยวข้องกับการพยายามที่จะใช้ลักษณะงาน และเครื่องจักรที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โดยกำจัดเวลาว่างของงานออกไปให้มากที่สุด ขจัดการเคลื่อนที่ที่ไม่จำเป็น
หรือที่ใช้เวลามากออกไป และพิจารณาความเหนื่อยล้าของพนักงานเป็นหลัก
แนวทาง
Therbligs เป็นหลักการของการบริหารจัดการด้านคุณภาพ
และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องที่มีอยู่แทบทุกระบบงานที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เช่น TQM,
QCC, Six Sigma หรือ ISO 9000 Therbligs เป็นวิธีการทำงานที่รวดเร็วขึ้น
เริ่มที่การแบ่งขั้นตอนการทำงานออกเป็นส่วนๆ
และกำจัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นที่ทำให้เสียทั้งแรงงาน และเวลาออกไป ซึ่งการทำเช่นนี้จะเป็นผลดี ต่อผู้ปฏิบัติงาน เพราะงานจะสบายขึ้น
Therbligs คือ การปฏิบัติงานโดยรวมของงานอย่างหนึ่ง ก็คือการประกอบรวมกันของประเภทของการเคลื่อนไหวองค์ประกอบพื้นฐาน
ซึ่ง Gilbreth ได้กำหนดขั้นตอนการทำงานไว้ 18 ขั้น เพื่อให้ผู้สนใจได้ใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนางานโดยสัญลักษณ์นั้นแยกตามประเภทตามจุดประสงค์ของการเคลื่อนไหว
ดังนั้นจะต้องเลือก Therbligs ให้ถูกต้องโดยคำนึงถึงว่าการเคลื่อนไหวนั้นดำเนินการไป“เพื่ออะไร”
4. ข้อดี/ข้อเสียของเครื่องมือ
ข้อดี
|
ข้อเสีย
|
1.ได้ผลผลิตหรือผลงานมากที่สุด
2. เกิดความสะดวกสบายแก่ผู้ปฏิบัติงาน
3. ช่วยประหยัดเวลาและแรงงานในการทำงาน
|
1.ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ปฏิบัติงาน
2.ต้องใช้เวลาในการฝึกฝน
เปลี่ยนแปลง วิธีการปฏิบัติแบบเดิม
3. ต้องจัดหาวัสดุ
อุปกรณ์ และสถานที่ที่เหมาะสม ทั้งนี้อาจทำให้ต้องลงทุนค่อนข้างสูง
|
5. ใช้อย่างไร
(หรือจัดทำอย่างไร) เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบด้วย
1. ลดระยะทาง
(ระยะเอื้อม)
2.
มือทั้งสองจะต้องเริ่มต้นและจบการเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน
3.
มือไม่เคยหยุดทำงานเว้นแต่ว่าจะได้รับอนุญาต
4.
มือไม่ต้องทำหน้าที่แทนส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย
5.
อุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการทำงานต้องมีที่แขวนหรือที่เก็บ ไม่ควรถือไว้
6.
เก้าอี้และโต๊ะทำงานควรมีความสูงที่เพียงพอเพื่อให้การทำงานสะดวก
6. มีใครนำเครื่องมือนี้ไปใช้บ้างและได้ผลสรุปอย่างไร
-
พิศุทธิ์ พงศ์ชัยฤกษ์
วารสารวิชาการอุตสาหกรรมศึกษา ปีที่ 6 ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน 2555 (22
– 29)
-
นนอ.ตระการ จินตนานนท์ และ นนอ. วรุตม์
วรินทราคมเอกสารวิจัยเรื่อง การสร้างชุดการทดลองเรื่อง
การศึกษาการเคลื่อนไหวและเวลา
-
ศุภชัย ทรงศักดิ์นาคิน ปริญญานิพนธ์ เรื่อง
การเพิ่มผลผลิตในงานอุตสาหกรรมผลิตหลอดบรรจุสินค้าโภคภัณฑ์
-
Wanprapa
Puttapim การบริหารค่าจ้างและเงินเดือน Management Wage and
Salaries.: http://mannagement-psubu.blogspot.com/2012_07_01_archive.html
7. กรณีศึกษา
Gilbreth
จัดทำภาพยนตร์แสดงการเคลื่อนไหว หรือ“Therbligs” ของคนงานเพื่อชี้ให้แสดงถึงการเคลื่อนไหวที่สูญเปล่า และไม่มีผลทางการผลิต
และเคลื่อนไหวที่จำเป็นในการทำงาน
ทั้งนี้โดยเรียกความเคลื่อนไหวพื้นฐานนี้ว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น